กรณีศึกษา เถ้าแก่น้อย จากเด็กติดเกมส์สู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์สาหร่ายทอดเบอร์ต้นๆ ในเมืองไทยคงหนีไม่พ้น “เถ้าแก่น้อย” ที่เจ้าของเป็นชายหนุ่มนามว่า ต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ที่เคยติดเกมส์ออนไลน์และเล่นจนสามารถสร้างรายได้จากการขายไอเท็มต่างๆ ในเกมส์จนมีรายได้ถึงหกหลักต่อเดือน แล้วเค้าทำอย่างไรล่ะถึงได้มาเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสาหร่ายทอดที่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ มาตามแกะรอย กรณีศึกษาเถ้าแก่น้อย จากเด็กติดเกมส์สู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ กันค่ะ
จาก กรณีศึกษาเถ้าแก่น้อย ต๊อบเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าต๊อบเป็นเด็กติดเกมส์แต่การติดเกมส์ของเขานั้นกลับเป็นการสร้างรายได้ให้กับเขาได้ด้วย และเมื่อต๊อบเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 เกมส์ออนไลน์ก็ได้รับความนิยมน้อยลงแต่ด้วยเป็นคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเองจึงเริ่มหารายได้เสริมจากวิธีอื่นแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเขาไปจับธุรกิจเกาลัดคั่วจนสามารถขยายสาขาได้มากกว่า 30 สาขา แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะหาอย่างอื่นที่สามารถนำมาวางขายคู่กับเกาลัดคั่วได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสาหร่ายทอดกรอบที่ได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เขาจึงคิดที่จะต่อยอดธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบ ลองผิดลองถูกในเรื่องของการพัฒนาตัวสินค้าและ packaging จนสามารถนำเข้ามาวางขายใน 7-11 ขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ในที่สุด นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่คนทำธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้
สิ่งที่ผู้ประกอบการควรนำไปประยุกต์ใช้จาก กรณีศึกษาเถ้าแก่น้อย จากเด็กติดเกมส์สู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
จะเห็นได้ว่าจาก กรณีศึกษาเถ้าแก่น้อย จากเด็กติดเกมส์สู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งที่ทำให้เถ้าแก่น้อยประสบความสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะมี CEO ที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ พัฒนาปรับปรุงสินค้า หาช่องทางโอกาสในการขยายตลาดอยู่เสมอ และกล้าที่จะแตกต่างเพื่อที่จะเติบโต