มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ มนุษย์ทำแต่ไม่พูด
คุณเคยมองย้อนกลับไปตอนเด็กหรือไม่? ตั้งแต่ชีวิตวัยเรียนตอนเด็กสู่ชีวิตวัยทำงานตอนโต คุณเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายนิสัยจากการเรียนและทำงานร่วมกัน บทความวันนี้เราจะพาไปพูดคุยกันในหัวข้อ “มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ มนุษย์ทำแต่ไม่พูด” แน่นอนว่าแค่คุณอ่านก็คงเข้าใจความหมายแล้ว แต่เราจะมาแบ่งให้เห็นภาพว่าในช่วงวัยเรียน กับ วัยทำงาน มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ มนุษย์ทำแต่ไม่พูด แตกต่างกันยังไง และยังมีอยู่หรือเปล่าในสังคมปัจจุบัน
วัยเรียนตอนเด็ก
ในช่วงชีวิตของวัยเรียนตอนเด็ก คุณครูมักจะสั่งงาน สั่งการบ้านให้ทำเป็นกลุ่ม ก็จะมีเพื่อนบางคนที่ขอฝากชื่อแต่ไม่ช่วยงานอะไรเลย เป็นมนุษย์พูดขอความช่วย พูดขู่ให้ใส่ชื่อเข้าไปด้วยโดยห้ามฟ้องครู แต่ไม่ยอมลงมือช่วยทำรายงาน ช่วยทำการบ้านที่ครูสั่ง แม้เวลาแบ่งงานกันในกลุ่มเสร็จ เมื่อถึงวันรวมรายงานก็มักจะได้ข้ออ้างกับคำพูดที่เป็นเหตุแก้ตัวต่างๆนาๆ
แต่ในทางกลับกันก็ยังมี มนุษย์บางกลุ่มที่ไม่พูด แต่โฟกัสที่ผลงานและลงมือทำเพื่อให้มีงานส่งครู ลงมือทำในส่วนที่คนอื่นทำไม่ได้ จนทำให้มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ เคยตัวและเป็นกาฝากเรื่อยมา แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ก็ยังมีมนุษย์ที่เป็นเพื่อนจริงๆไม่ได้ถนัดในเรื่องทำการบ้าน ทำรายงาน มักใช้คำพูดในการทำงาน ก็จะให้มนุษย์พวกนี้เป็นคนออกไปรายงานหน้าชั้นเรียน เป็นการแก้ปัญหาและใช้ประโยชน์จากการพูดของเขาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่ มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ ก็ยังมีในกลุ่มของคนไม่สนิทหรือคนไม่ชอบหน้ากัน มนุษย์กลุ่มนี้มักพูดเหน็บแหนมเวลาที่คนอื่นทำงานส่งไว หรือเห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้ ชอบพูดในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ แต่ช่วงเวลาเด็กก็ถือเป็นช่วงเวลาที่คนเราสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงจากข้อผิดพลาดได้ ลองถามตัวเองดูว่าตอนวัยเด็ก คุณเป็นมนุษย์พูดแต่ไม่ทำ หรือ มนุษย์ทำแต่ไม่พูด
วัยทำงานตอนโต
เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน พฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานมักจะเปลี่ยนไปแบบแตกต่างจากวัยเรียน เพราะมนุษย์พูดแต่ไม่ทำ มีให้เห็นตั้งแต่ระดับผู้บริหารลงมาจนถึงเพื่อนร่วมงานทั่วไป
บางคนคิดและพูดได้แต่ลงมือทำไม่ได้
บางคนพูดได้แต่ไม่รู้ว่าทำยังไง
บางคนพูดเอาหน้าแต่โยนงานให้คนอื่นทำ
บางคนพูดเอาดีเข้าตัวแต่ผลงานไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำ
จะเห็นว่ามนุษย์พูดแต่ไม่ลงมือทำ จะปรับเปลี่ยนวิธีในการเอาตัวรอด เอาหน้าและพร้อมจะเหยียบคนอื่นขึ้นไปสู่ความสำเร็จ หากว่าคุณกำลังเป็นมนุษย์พูดแต่ไม่ลงมือทำ ลองฉุกคิดสักนิด ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนทำให้ คุณยังจะก้าวต่อไปด้วยตัวเองได้อยู่หรือเปล่า? แต่ถ้ามองในแง่ดี ในระดับหัวหน้างาน หน้าที่ของเขาคือบริหารจัดการทีมและคอยแก้ปัญหาให้ลูกน้องในทีม เขาก็จะต้องพูดเพื่อให้ลูกน้องลงมือทำให้บรรลุเป้าหมาย เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกัน มนุษย์พูดแต่ไม่ลงมือทำก็ไม่ได้มีแต่ด้านไม่ดีอย่างเดียว
ในทางกลับกัน มนุษย์ทำแต่ไม่พูด พฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานที่ทำงานเก่ง ไม่ค่อยมีปากมีเสียง ใครให้ทำอะไรก็ทำกับหน้าที่ของตัวเอง ข้อดีก็คือทำดีแล้วกับงานที่ตัวเองได้รับผิดชอบ แต่ถ้าไม่พูดเลยบางครั้งเราโดนเอาเปรียบจนเกินไปก็ไม่ดีสำหรับมนุษย์กลุ่มนี้ หรืออาจจะเป็นปัญหาในอนาคตถ้าต้องทำงานเป็นทีมหรืองานที่ต้องแชร์ไอเดีย
ชอบลงมือทำ....ตอบแค่...ได้ค่ะ....ได้ครับ
ชอบลงมือทำ....แต่ผลงานไม่ได้โดดเด่นเพราะย่ำอยู่กับที่
ชอบลงมือทำ....แต่ไม่เรียนรู้การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ชอบลงมือทำ....คนเดียว...จนมองข้ามทีมที่เหลือ
ดังนั้นจากที่คุณอ่านบทความนี้มา เราต้องการให้คุณเห็นภาพในหลายๆด้าน เพราะไม่ใช่มนุษย์พูดแต่ไม่ทำ จะเป็นคนไม่ดี หรือ มนุษย์ทำแต่ไม่พูด จะมีแต่ด้านดีอย่างเดียว ในทุกๆด้านเราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ บาลานซ์ ไม่เอนเอียงไปฝั่งไหนซะทีเดียว เลือกให้เหมาะกับสายงานและหน้าที่ของตัวเอง
เราจึงยกต้วอย่างให้คุณเห็นช่วงชีวิตในวัยเรียนตอนเด็กจนถึงวัยทำงานตอนโต ถ้าหากใครอยู่ตรงกลางก็ลองเลือกใช้ให้เหมาะกับหน้าที่ของตัวเอง ถ้าคุณทำได้ คุณก็จะเป็นมนุษย์ที่พูดได้และลงมือได้ เป็นคำตอบที่ดีที่สุด และคุณละ จะเลือกแบบไหน? ลองตอบตัวเองในใจดู?