ระดับความต้องการของมนุษย์มีอะไรบ้าง

ระดับความต้องการของมนุษย์ 5 ขั้นมีอะ

1. ความต้องการด้านกายภาพ (Physiological Needs)

เป็นความต้องการพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิต และอยู่รอดได้ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และยังรวมไปถึงความต้องการทางเพศเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ให้อยู่รอดต่อไปอีกด้วย

2. ความต้องการมั่นคงปลอดภัย (Safety Needs)

เมื่อมนุษย์ได้รับความต้องการพื้นฐานในหัวข้อที่ 1 เพียงพอแล้ว ความต้องการขั้นถัดไปที่มนุษย์ต้องการก็คือ ความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความมั่นคงในชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพ ความปลอดภัยในทรัพย์สิน ซึ่งส่งผลให้มนุษย์มีการทำประกันภัยในด้านต่างๆ เกิดขึ้น

3. ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (Belongingness and Love Needs)

ความต้องการถัดมาหลังจากที่มีความมั่นคงในด้านต่างๆ ของชีวิตแล้วก็คือ ต้องการเป็นที่รัก เป็นเจ้าของและได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว หรือแม้กระทั่งผู้คนในสังคม เพราะตามธรรมชาติแล้วมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน

4. ความต้องการการเคารพนับถือและยกย่อง (Esteem Needs)

เมื่อความต้องการใน 3 ข้อแรกถูกเติมเต็มจนครบหมดแล้ว ความต้องการข้อถัดมาที่มนุษย์อยากได้ก็คือการได้รับความยกย่องและความเคารพนับถือจากคนรอบข้าง ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีคุณค่า มีความรู้ความสามารถ ไม่รู้สึกด้อยค่าในตัวเอง

5. ความต้องการสูงสุดที่จะมาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในชีวิต (Self-Actualization Needs)

เมื่อมนุษย์ถูกเติมเต็มด้วยความต้องการทั้ง 4 ข้อดังกล่าวข้างต้นอย่างเพียงพอแล้ว ระดับความต้องการ ของมนุษย์ ขั้นสุดท้ายที่มนุษย์อยากจะเป็นก็คือ การอยากจะเป็นในสิ่งที่มนุษย์คนนึงจะพึงกระทำได้โดยใช้ความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อก่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ระดับความต้องการของมนุษย์มีประโยชน์อย่างไรกับการทำธุรกิจ

ในเมื่อเรารู้แล้วว่า มนุษย์มีความต้องอะไรบ้าง เราในฐานะผู้ผลิตก็สามารถที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการให้ออกมาตรงกับความต้องการของลูกค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อวางกลยุทธ์แผนการดำเนินงานทางการตลาดเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการจากเราได้มากขึ้น

ดังนั้นถ้าหากเราได้ทำการศึกษา ระดับความต้องการมนุษย์ และเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว จะเห็นได้ว่าเราสามารถนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจและการวางแผนการตลาดของเราได้อย่างไม่ยากเลย