รับส่วนลด 300 บาทสำหรับการซื้อครั้งแรก

สิทธิของเจ้าของข้อมูลตาม PDPA ที่ผู้ประกอบการควรรู้

24 กุมภาพันธ์ 2564
สิทธิของเจ้าของข้อมูลตาม PDPA ที่ผู้ประกอบการควรรู้
หากองค์กรของท่านมีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ หรือมีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของลูกค้า พนักงาน ลูกจ้าง หรือใครก็ตาม หากมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้มีการขอความยินยอม และรวมถึงการนำข้อมูลไปใช้หรือเปิดเผยโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด มีความเสี่ยง ที่จะได้รับโทษตามกฎหมาย PDPA (พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562) ที่จะเข้ามาคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิของเจ้าของข้อมูลตาม PDPA

ที่ผู้ประกอบการควรรู้

ผู้ประกอบการไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject) หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) จำเป็นต้องปฏิบัติดังนี้

  • ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ต่างๆตามกฎหมาย
  • กำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ตลอดจนกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหา เพื่อรองรับกรณีที่มีการล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
  • จัดเตรียมเทคโนโลยี ระบบ หรือโปรแกรมต่างๆที่จะเข้ามาช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลสะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • ให้ความรู้กับบุคลากรภายในองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลทั้งภายในและภายนอกองค์กร ให้เข้าใจหลักการ จะได้นำไปประยุกต์ใช้การทำงานได้อย่างราบรื่น

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิต่างๆ ดังนี้

1. สิทธิที่จะได้รับการแจ้งให้ทราบ (มาตรา 23) การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแจ้งรายละเอียดในการเก็บข้อมูล ตลอดจนการนำไปใช้ หรือเผยแพร่ให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อนหรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูล (ยกเว้นกรณีที่เจ้าของข้อมูลทราบรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว เช่น เพื่อนำไปเปิดบัญชี หรือสมัครใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ) โดยเจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะทราบวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูล, การนำไปใช้ หรือเผยแพร่, สิ่งที่ต้องการจัดเก็บ, ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล ตลอดจนรายละเอียดของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ให้ข้อมูล

 

2. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 30) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเองจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสามารถขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในกรณีเกิดความไม่แน่ใจว่าตนเองได้ให้ความยินยอมไปหรือไม่ โดยสิทธิการเข้าถึงข้อมูลนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือคำสั่งศาล  และการใช้สิทธินั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น

 

3. สิทธิในการได้รับและโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 28, 31) ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลต้องการนำข้อมูลที่เคยให้ไว้กับผู้ควบคุมข้อมูลรายหนึ่ง ไปใช้กับผู้ควบคุมข้อมูลอีกราย เช่น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายแรกได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของเราไปจัดทำให้อยู่ในรูปแบบต่างๆ ที่เข้าถึงได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เจ้าของข้อมูลสามารถขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดทำข้อมูลนั้น ทำการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้ได้ หรือจะขอให้ส่งไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นโดยตรงก็สามารถทำได้ หากไม่ติดขัดทางวิธีการและเทคนิค โดยการใช้สิทธินั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย สัญญา หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น

 

4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 32) เจ้าของข้อมูลสามารถคัดค้านการเก็บรวบรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงสามารถทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ยกเว้นมีเหตุอันควรทางกฎหมายที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น

 

5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล (มาตรา 33) หากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเผยแพร่ในที่สาธารณะ หรือสามารถเข้าถึงได้ง่าย เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการลบหรือทำลายข้อมูลนั้น หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนได้  โดยผู้ควบคุมข้อมูลต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการทั้งในทางเทคโนโลยีและค่าใช้จ่าย เพื่อให้เป็นไปตามคำขอนั้น

 

6. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (มาตราการ 19กรณีเจ้าของข้อมูลเคยให้ความยินยอมในการใช้ข้อมูลไป ต่อมาเกิดเปลี่ยนใจ ก็สามารถยกเลิกความยินยอมนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ โดยการยกเลิกจะต้องไม่ขัดต่อข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมทางกฎหมาย หรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไปก่อนหน้านี้

 

7. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 34) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนใจไม่ต้องการให้ข้อมูลแล้ว หรือเปลี่ยนใจระงับการทำลายข้อมูลเมื่อครบกำหนดที่ต้องทำลาย เพราะมีความจำเป็นต้องนำข้อมูลไปใช้ในทางกฎหมาย หรือการเรียกร้องสิทธิ ก็สามารถทำได้

 

8. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 35) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยการแก้ไขนั้นจะต้องเป็นไปด้วยความสุจริต และไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย


ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) มีหน้าที่ดังนี้

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล คือบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะมีหน้าที่ในการดำเนินการดังต่อไปนี้

 

  1. จัดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ดี
  2. ดำเนินการป้องกันไม่ให้มีการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม
  3. จัดให้มีการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหลังจากพ้นระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
  4. ในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ควบคุมข้อมูลนั้นแจ้งต่อสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่ทราบเรื่อง

สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องจัดจ้างหรือแต่งตั้งบุคคลทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือตำแหน่ง DPO


ในฐานะเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO) มีหน้าที่ดังนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือบุคคลที่จะต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลองค์กร โดยจะมีหน้าที่ดังนี้

 

  1. ให้คำแนะนำแก่ผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  2. ตรวจสอบและการดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูล
  3. รักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล
  4. กรณีมีปัญหาการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดการปัญหาต่างๆ

ในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) มีหน้าที่ดังนี้

ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลคือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล “ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” โดยที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

 

  1. ดำเนินการตามคำสั่งที่ได้รับจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
  2. จัดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม
  3. จัดทำ บันทึก และประมวลผลของข้อมูลส่วนบุคคลให้เหมาะสม

ผู้ประกอบการที่องค์กรของท่านมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลยังพอมีเวลาให้เตรียมตัว และวางระบบขององค์กรให้พร้อมสำหรับการทำตามเงื่อนไข เนื่องจาก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้มีจะผลบังคับใช้ตามกฎหมายทั้งฉบับในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564


แหล่งที่มา

https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/tips-for-you/pdpa-rights.html

https://pdpa.pro/blogs/what-are-the-rights-in-pdpa


บทความที่คล้ายกัน